การเปลี่ยนผ่านของระบบการเงินแบบดั้งเดิม สู่โลกของสินทรัพย์ดิจิทัล กระแสหรืออนาคต

หลังจากที่ได้ทราบกันไปแล้วถึงจุดกำเนิดของระบบการเงินดิจิทัล ระบบการเงินไร้ตัวกลางที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain เป็นตัวแปรในสร้างระบบใหม่ขึ้นมา เพื่อให้หลุดพ้นจากข้อจำกัดของระบบการเงินเดิมที่ปัญหามักจะเกิดจากเศรษฐกิจของประเทศประเทศเดียว

โดย Satoshi Nakamoto ได้ให้กำเนิดคริปโทฯเหรียญแรกในโลก โดยใช้ชื่อว่า Bitcoin ที่ดั้งเดิมแล้วไอเดียวของเขาในการสร้าง Bitcoin อาจนำมาจากแพลตฟอร์ม BitTorrent ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดวีดีโอ หรือไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว

โดยใช้สิ่งที่เรียกว่า Seed ซึ่งอาศัยคอมพิวเตอร์เครื่องต่างๆที่เคยดาวน์โหลดไฟล์จาก BitTorrent เพื่อช่วยในการดาวน์โหลดไฟล์ดังกล่าวมายังคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

ซึ่งเหมือนกับระบบ Blockchain ที่ Satoshi Nakamoto สร้างขึ้น เพียงแต่เปลี่ยนจาก Seed เป็น Node เท่านั้น อย่างไรก็ตาม Bitcoin ถูกสร้างให้มี Supply จำกัดอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ทำให้ Bitcoin สามารถควบคุม มูลค่า ปริมาณให้มีเสถียรภาพ

และป้องกันความเสี่ยงของเศษรฐศาสตร์โทเคนได้ในตัวเอง ซึ่งเป็นหนึ่งในเหรียญที่ในอนาคตต้องจับตามองกันว่า BTC จะเป็นเงินสกุลหลักของโลกได้

กลับมาครั้งนี้เรามาเจาะลึกกันต่อว่าการเปลี่ยนผ่านระบบการเงินแบบดั้งเดิมในครั้งนี้จะเป็นเพียงกระแส หรืออนาคตถ้าพร้อมแล้วก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่า….

การเปลี่ยนผ่านจากระบบการเงินแบบดั้งเดิม
สู่โลกการเงินดิจิทัล ทำได้อย่างไร

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน หรือถ้าหากให้อธิบายง่ายๆเทคโนโลยีคือปัจจัยที่ 5 ที่ทำให้ชีวิตของเราสะดวกสบายขึ้น โดยการเข้ามาของเทคโนโลยีที่เริ่มตั้งแต่ การสั่งอาหารผ่านช่องทางออนไลน์  Platform Social Media และการ Shopping Online

ทั้งหมดนี้ล้วนจำเป็นต้องมีระบบชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์จึงจะสามารถทำธุรกรรมได้อย่างสมบูรณ์แบบ การเปลี่ยนผ่านแรกสู่โลกการเงินดิจิทัลจึงถือกำเนิดขึ้น…

Digital Banking

จริงๆ แล้ว Digital Banking เป็นระบบที่มีมานานแล้ว และถือว่าเป็นครั้งแรกที่นำโลกของการเงินเข้าสู่ระบบดิจิทัล โดยผู้ใช้บริการไม่จำเป็นต้องไปที่สาขาสามารถทำธุรกรรมออนไลน์ได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็น การโอน การรับเงิน การชำระค่าบริการ ซึ่งส่วนใหญ่ธนาคารต่างๆ มักพัฒนาระบบของตัวเองขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า

จากผลสำรวจของบริษัท McKinsey ในปี 2564 ชี้ว่า ผู้บริโภคในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกใช้ Digital banking เพิ่มขึ้นมากจาก 55% ในปี 2560 เป็น 88% ของกลุ่มผู้ตอบในปี 2564 ที่น่าสนใจคือสัดส่วนนี้เข้าใกล้พฤติกรรมผู้บริโภคในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่ค่อนข้างอยู่ตัวราว 90% ถือว่าเป็นทิศทางที่มีการเปลี่ยนแปลงผ่านระบบให้เห็นได้อย่างชัดเจน

Non-Bank

กลุ่มนี้คือกลุ่มผู้เล่นที่ไม่ใช่ธนาคาร โดยกลุ่มนี้อาศัยเทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ในการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการ รวมถึงแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจาก Digital Banking ให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยกลุ่มผู้เล่นหลักๆของกลุ่มนี้คงหนีไม่พ้น Paypal, Visa และ Master Card ที่รองรับการชำระเงินทั่วโลกผ่านช่องทางออนไลน์

ซึ่งปัจจุบันกลุ่มบริษัท Big Tech อย่างเช่น Google,Facebook,Apple และ Amazon ต่างก็พัฒนาระบบชำระเงินของตนเองแล้ว และเน้นกลุยทธ์ในการหันมาสร้างพันธมิตรธุรกิจ เพื่อส่งเสริมซึ่งกันและกัน

De-Centralized

ถือว่าเป็นระบบการเงินที่มาแรงที่สุด หรือเรียกได้ว่าเป็น “Game Changer” ของระบบการเงินแบบดั้งเดิมเลยก็ว่าได้ เมื่อเทคโนโลยี Blockchain ถูกพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น สู่การเป็น Smart Contact สัญญาอัจฉริยะที่เปิดโอกาสให้นักพัฒนาสามารถสร้างเหรียญเป็นของตนเองได้เพื่อนำไปใช้ใน Ecosystem ในระบบของตน

โดย Blockchain Smart Contact แรกคือเครือข่าย Ethereum ที่เปิดให้นักพัฒนาเข้าไปพัฒนาระบบบนเครือข่ายโดยจ่ายค่า Gas เป็น ETH เพื่อชำระค่าธรรมเนียมในการใช้งานส่งผลให้จำนวนเหรียญคริปโทฯ ถูกสร้างขึ้นมากมาย ช่วยส่งเสริมระบบการเงินไร้ตัวกลางที่สามารถทำธุรกรรมข้ามประเทศได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ผ่านตัวกลาง ทั้งการ ฝาก โอน ซื้อ และขาย

ยิ่งไปกว่านั้นยังได้มีการพัฒนาเหรียญที่ถูกเรียกว่า Stablecoin โดยการตรึงราคาของเหรียญคริปโทฯให้คงที่ โดยหนุนกับราคาสินทรัพย์ที่น่าเชื่อถือ เช่นเหรียญ USDT ที่ตรึงไว้กับดอลลาร์สหรัฐ เพื่อลดช่องโหว่และสร้างราคากลางขึ้นมาสำหรับการทำธุรกรรมต่างประเทศ

ปัจจุบันมูลค่าของตลาดคริปโทฯมีมูลค่าถึง 922,541,177,472.304 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 20/10/22) และจะมากขึ้นอีกราวๆ 5 เท่า หากวัดที่ระดับ ATH (All Time High) สะท้อนสัญญาณการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบการเงินดิจิทัลที่ยากจะปฏิเสธได้

CBDC  Central Bank Digital Currency

CBDC คือเหรียญที่ธนาคารกลางของหลายๆ ประเทศกำลังพัฒนาขึ้น เพื่อนำมาใช้สำหรับธุรกรรมระหว่างประเทศ โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Blockchain  ในการเพิ่มประสิทธิภาพ และส่งเริมการเข้าถึงบริการทางการเงินดิจิทัลของประชาชนที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการของธนาคาร

รวมไปถึงเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเงินสดดิจิทัลของธนาคารกลางได้อย่างปลอดภัยและไม่มีความเสี่ยงเท่าการถือสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆของภาคเอกชน

การเข้ามาของธนาคารกลางของประเทศในครั้งนี้ถือว่าเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า “การเปลี่ยนผ่านระบบการเงินแบบดั้งเดิมสู่โลกของการเงินดิจิทัล” จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน การเตรียมตัวจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ที่เราจะทำได้

สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่ต้องการเข้าสู่โลกการลงทุนในระบบการเงินดิจิทัล XSpring Digital คือ แอปพลิเคชันที่ตอบโจทย์ทุกการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ว่าจะเป็นบริการ ซื้อ-ขาย โทเคนดิจิทัล หรือ ICO Portal ที่ครอบคลุมทุกบริการ  รวมถึงการเปิดบัญชีกับ XSpring Digital เชิญสัมผัสประสบการณ์การลงทุนเหนือระดับได้แล้ววันนี้ แค่ดาวน์โหลดผ่าน http://onelink.to/ywnefz